การทำงาน ของ กนก จันทร์ขจร

การรับราชการ

กนกได้เข้ารับราชการครูที่โรงเรียนวัดสังเวช จังหวัดพระนคร ใน พ.ศ. 2500 หลังจากศึกษาต่อได้ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (วท.บ) สาขาฟิสิกส์ ก็กลับมาสอนที่โรงเรียนเดิม พ.ศ. 2505 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนเดียวกัน พ.ศ. 2508 ย้ายไปเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนตากพิทยาคม จังหวัดตาก และรักษาการอาจารย์ใหญ่โรงเรียนผดุงปัญญา จังหวัดเดียวกันอีกตำแหน่งหนึ่ง พ.ศ. 2514 ย้ายไปเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนระยองมิตรอุปถัมภ์ จังหวัดระยอง (โรงเรียนประจำจังหวัดชาย) และรักษาการอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสตรีแห่งระยอง "บุญศิริบำเพ็ญ" อีกตำแหน่งหนึ่ง ต่อมาวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2514 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศรวมโรงเรียนประจำจังหวัดทั้ง 2 โรงเรียนเข้าด้วยกันเป็นโรงเรียนระยองวิทยาคม กนกได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนนี้จน พ.ศ. 2516 มาดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ สำนักงานส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) พ.ศ. 2523 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมักกะสันพิทยา กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2530 ผ่านการประเมินได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการระดับ 9 พ.ศ. 2532 ย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนทวีธาภิเศก กรุงเทพมหานคร ก่อนเกษียณอายุราชการ กรมสามัญศึกษาได้มอบหมายให้ทำหน้าที่ผู้ตรวจราชการในเขตกรุงเทพฯ อีกตำแหน่งหนึ่ง และทำหน้าที่นี้จนเกษียนอายุราชการใน พ.ศ. 2538

หลังเกษียณอายุและบุคลิกส่วนตัว

หลังเกษียณอายุราชการเขาก็ได้รับเชิญไปเป็นกรรมการพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย

กนกนอกจากเขาจะเป็นคนเรียนหนังสือดี เป็นครูสอนที่เก่ง สอนดีแล้ว ยังมีคุณลักษณะจำเป็นสำคัญสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพครูควรมีเป็นอย่างยิ่งก็คือ เทื่อสนใจศึกษาวิทยาการในแขนงใดก็สามารถศึกษาได้อย่างลึกซึ้ง จนมีความเชี่ยวชาญสามารถทำเป็นคู่มือให้นักเรียนและเพื่อนร่วมอาชีพได้ศึกษา นำไปใช้ประโยชน์ได้[1]